คนที่คิดจะทำเว็บไซต์ให้กับธุรกิจของตัวเอง ทั้ง 2 แบบแตกต่างกันอย่างไร แล้วอย่างไหนน่าจะดีต่อคุณมากที่สุด วันนี้เรามีคำตอบเพื่อช่วยคุณตัดสินใจว่าระหว่างโปรแกรม WordPress กับเว็บไซต์สำเร็จรูปอะไรที่เหมาะกับผู้ประกอบการ SMEs มากที่สุด

เมื่อพูดถึงการทำเว็บไซต์เรื่องที่น่าจะปวดหัวมากที่สุดก็คือคุณจะทำอย่างไรเว็บไซต์ของคุณจึงจะตอบโจทย์ความต้องการของคุณจริง ๆ ภายใต้งบประมาณที่สมเหตุสมผล และที่สำคัญเว็บไซต์ต้องช่วยโปรโมทธุรกิจของเราอีกด้วย ในปัจจุบันจึงมีผู้ให้บริการเป็นจำนวนมากที่สร้างเว็บไซต์เฉพาะขึ้นมาเพื่อให้บริการแก่ผู้ที่ต้องการมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ภายใต้แนวคิดที่ว่า ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องการทำเว็บไซต์ คุณก็สามารถสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้ บริการดังกล่าวถูกเรียกโดยรวมว่า “เว็บไซต์สำเร็จรูป” ขณะเดียวกันก็มีผู้ให้บริการอีกประเภทหนึ่งที่พัฒนาโปรแกรมสำเร็จรูปขึ้นมาเพื่อใช้ในการสร้างเว็บไซต์และพัฒนาจนกระทั่งโปรแกรมที่ว่าใช้งานได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่างโปรแกรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากก็คือ WordPress

นี่จึงเป็นที่มาของตัวเลือกที่ว่า แล้วเราจะทำเว็บไซต์เองภายใต้โปรแกรมที่เป็นที่นิยมอย่าง WordPress หรือผ่านบริษัทที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์สำเร็จรูปดี ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาโลกแตกของใครหลาย ๆ คนที่คิดจะทำเว็บไซต์ให้กับธุรกิจของตัวเอง ทั้ง 2 แบบแตกต่างกันอย่างไร แล้วอย่างไหนน่าจะดีต่อคุณมากที่สุด วันนี้เรามีคำตอบเพื่อช่วยคุณตัดสินใจว่าระหว่างโปรแกรม WordPress กับเว็บไซต์สำเร็จรูปอะไรที่เหมาะกับผู้ประกอบการ SMEs มากที่สุด ตามมาเลยครับ

ก่อนจะดูความแตกต่างเรามาทำความรู้จักกับทั้งสองอย่างนี้เสียก่อน

        เว็บไซต์สำเร็จรูปคือเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยทีมงานที่ดูแลเว็บไซต์นั้น ๆเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับใครก็ตามที่อยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการทำเว็บไซต์มาก่อนก็สามารถสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้ โดยทำตามคู่มือที่ทางผู้ให้บริการมอบให้

ในขณะที่ WordPress ก็คือโปรแกรมสำเร็จรูปที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อจัดการเนื้อหาและสร้างเนื้อหาที่คุณต้องการลงในอินเทอร์เน็ต หรือที่เรียกกันว่า “Content Management System” โดยสามารถใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ตได้โดยตรงเพียงแค่ล็อกอินเข้าสู่ระบบ ซึ่งภายในโปรแกรมคุณสามารถปรับแต่งรูปแบบเว็บไซต์ได้ตามที่คุณต้องการ

ความแตกต่างระหว่างเว็บไซต์สำเร็จรูป และ WordPress

ความแตกต่างเรื่องที่ 1 : Domain name และ Hosting

        เว็บไซต์สำเร็จรูป: คุณสามารถคิดชื่อโดเมนและจดทะเบียนโดเมนของคุณผ่านบริษัทผู้ให้บริการได้เลย ซึ่งก็มีผู้ให้บริการจำนวนมากที่มีโปรโมชั่นให้คุณจดทะเบียนโดเมนฟรีเพื่อดึงดูดความสนใจ สำหรับโฮสติ้งคุณจะต้องใช้โฮสติ้งของทางผู้ให้บริการซึ่งมีพื้นที่จำกัด

WordPress: คุณต้องจดทะเบียนชื่อโดเมนผ่านบริษัทรับจดทะเบียนเอาเอง รวมถึงต้องขอเช่า hosting เอาเองและคุณจำเป็นต้องเสียค่าธรรมเนียมเพื่อรักษาโดเมนและโฮสติ้งเอาไว้ แต่พื้นที่โฮสติ้งของคุณไม่ถูกจำกัดขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่คุณเลือกเช่า

ความแตกต่างเรื่องที่ 2 : ค่าใช้จ่าย

เว็บไซต์สำเร็จรูป : มีบริการฟรีให้เลือกใช้แต่ถูกจำกัดด้วยพื้นที่โฮสติ้งและลูกเล่นต่าง ๆ ถ้าอยากได้พื้นที่โฮสติ้งที่มากขึ้น รวมถึงลูกเล่นการปรับแต่งต้องเสียค่าใช้จ่ายตามแต่อัตราที่ทางผู้ให้บริการกำหนด

WordPress: มีบริการให้เลือกใช้ฟรีเช่นกัน และหากอยากได้ลูกเล่นเพิ่มเติมก็จำเป็นต้องเสียเงินเพื่อซื้อลูกเล่นต่าง ๆ มาใช้งาน แต่เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมมาก ลูกเล่นต่าง ๆ ที่สามารถใช้งานได้ฟรีก็มีให้เลือกใช้มากมายอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรคุณก็ยังจำเป็นต้องเสียเงินเพื่อรักษาโดเมนและโฮสติ้งอยู่ดี

ความแตกต่างเรื่องที่ 3 : Template และลูกเล่นต่าง ๆ

เว็บไซต์สำเร็จรูป : มีเทมเพลทและลูกเล่นให้เลือกอย่างจำกัด แม้คุณจะเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้อเทมเพลทและลูกเล่นมาใช้งานก็ตาม เพราะมันขึ้นอยู่กับทีมพัฒนาระบบของผู้ให้บริการที่คุณใช้งานอยู่ว่าจะพัฒนาให้หลากหลายเพียงใด บ่อยครั้งที่อาจพบว่าเว็บไซต์ของคุณดันไปคล้ายคลึงกับเว็บไซต์ของคนอื่น

WordPress: ด้วยความที่ตัวมันเองเป็นโปรแกรม open source ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจึงทำให้มีนักพัฒนาจากทั่วทุกมุมโลกสนใจพัฒนาเทมเพลทและลูกเล่นเพื่อมารองรับการใช้งานเป็นจำนวนมาก แม้คุณไม่เสียเงินซื้อคุณก็มีเทมเพลทใช้งานมากมายและลูกเล่นให้เลือกอย่างมากอยู่แล้ว และที่สำคัญ WordPress ออกแบบเทมเพลทในรูปแบบธีมที่คล้ายกับการเปลี่ยนเคสของโทรศัพท์มือถือ นั่นหมายความว่าคุณสามารถเปลี่ยนธีมกี่ครั้งก็ได้ตามความพอใจและถ้าคุณเสียเงินซื้อลูกเล่นหรือธีมเพิ่มเติมการใช้งานก็ยิ่งหลากหลายขึ้นครับ

ความแตกต่างเรื่องที่ 4 : การใช้งานและการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์

        เว็บไซต์สำเร็จรูป : ใช้งานง่ายมากและไม่ซับซ้อนแต่ไม่มีอิสระในการปรับแต่งเท่าที่ควร ยังต้องขึ้นอยู่กับทีมงานพัฒนาของผู้ให้บริการว่ามีฟีเจอร์รองรับการใช้งานมากน้อยเพียงใด การปรับเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานหรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ยังทำได้ยาก

WordPress: ใช้งานง่ายและไม่ซับซ้อนเช่นเดียวกับเว็บไซต์สำเร็จรูป แต่คุณมีอิสระในการปรับแต่งและการใช้งานมากกว่ารวมทั้งมีฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลาย การเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานและแอปพลิเคชันก็อิสระมากกว่า

ความแตกต่างเรื่องที่ 5 : ความเป็นเจ้าของ

เว็บไซต์สำเร็จรูป : แม้ดูเหมือนคุณจะเป็นเจ้าของเว็บไซต์ แต่คุณก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ 100% เพราะคุณยังต้องผูกติดกับผู้ให้บริการอยู่ดี หากวันหนึ่งผู้ให้บริการของคุณล่มสลายไป เว็บไซต์ของคุณก็อันตรธานไปพร้อม ๆ กัน

WordPress: ตราบเท่าที่คุณยังเสียเงินต่ออายุโดเมนและโฮสติ้ง เว็บไซต์ก็ยังเป็นของคุณเสมอครับ แม้คุณจะใช้บริการโปรแกรมของ WordPress แต่ WordPress ไม่ได้มีเอี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณแม้แต่นิดเดียว 

ความแตกต่างเรื่องที่ 6 : SEO หัวใจสำคัญในการมองเห็นเว็บไซต์ใน Search Engine

เว็บไซต์สำเร็จรูป : การรองรับ SEO ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ เพราะบางเจ้าก็เอื้อให้ทำ SEO ได้ง่าย ในขณะที่บางเจ้าการค้นหาจะไปรวมอยู่กับจำนวนเว็บไซต์ที่เขาดูแล จึงยากจะหาเจอใน search engine เข้าไปอีกจะโชคดีหรือโชคร้ายจึงอยู่ที่ดวงของคุณว่าจะไปเจอผู้ให้บริการแบบใด

WordPress: ได้รับการขนานนามว่าเป็นมิตรต่อการทำ SEO มากที่สุดแล้วในปัจจุบัน ขอแค่คุณทำ SEO เป็นเว็บไซต์ของคุณก็มีโอกาสพบเจอได้ง่ายครับ

ความแตกต่างเรื่องที่ 7 : การขยายงาน/ต่อยอดในอนาคต

เว็บไซต์สำเร็จรูป : ไม่เอื้อต่อการขยายงานหรือการทำงานที่ซับซ้อนในอนาคต เพราะข้อจำกัดจะอยู่ที่ความสามารถของทีมพัฒนาของผู้ให้บริการเป็นสำคัญ ถ้าทีมงานพัฒนาไม่ทัน เว็บไซต์คุณจะล้าหลังทันที

WordPress: ด้วยความที่นักพัฒนาทั่วโลกสนใจพัฒนาฟีเจอร์และ แอปพลิเคชันสำหรับ WordPress มากกว่าโปรแกรมนี้จึงทันสมัยอยู่ตลอดเวลา

ความแตกต่างเรื่องที่ 8 : ความปลอดภัย

เว็บไซต์สำเร็จรูป : ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการเป็นหลัก โดยส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีปัญหา

WordPress: มีระบบรักษาความปลอดภัยของตนเองมารองรับและอัปเดตอยู่เสมอ

ความแตกต่างเรื่องที่ 9 : ตัวช่วยเหลืออื่น ๆ สำหรับผู้ใช้งาน

เว็บไซต์สำเร็จรูป : ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการว่ามีตัวช่วยเหลือมาคอยสนับสนุนมากน้อยเพียงใด

WordPress: มีการเปิดระบบสถิติผู้เยี่ยมชมมาช่วยเหลือรวมถึงมีการอัปเดตตัวโปรแกรมให้ทันสมัยอยู่เสมอ

เลือกในแบบที่ใช่ ใช้ในแบบที่คุณถนัด

แม้ว่า WordPress จะมีแต้มต่ออยู่บ้างก็ตาม แต่ความแตกต่างทั้ง 9 ข้อนี้เป็นเพียงตัวอย่างการเปรียบเทียบให้เห็นระหว่างการใช้งานเว็บไซต์สำเร็จรูปกับ WordPress ว่าแตกต่างกันอย่างไร ส่วน ผู้ประกอบการ SMEs จะเลือกใช้แบบใดก็ขึ้นอยู่กับความพอใจและความสะดวกของแต่ละรายเป็นสำคัญอะไรที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากกว่ากัน อันนั้นแหละคือสิ่งที่ใช่สำหรับคุณ

        ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้เว็บไซต์แบบใดก็ไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องลงมือสร้างเว็บไซต์เพื่อธุรกิจของคุณได้แล้ว อย่ารอจนกลายเป็นคุณตกกระแสเพราะกว่าที่คุณจะรู้ตัวมันก็คงสายเกินไปสำหรับคุณ