หนึ่งในเรื่องที่น่ากลัวสำหรับคนทำธุรกิจ โดยเฉพาะเจ้าของกิจการมือใหม่ นั่นคือ “ขายดีแต่ขาดทุน”บางธุรกิจขายของได้เยอะ แต่อย่าลืมว่าเงินที่ได้มาไม่ได้เข้ากระเป๋าเราทั้งหมด สุดท้ายได้กำไรน้อยหรือแทบจะเสมอตัว หลายคนมักจะเข้าใจว่าขายดีต้องได้กำไร แต่ทำไมบางรายกลับ “ขายดีจนเจ๊ง” ไม่ว่าจะทำธุรกิจในรูปแบบบุคคลธรรมดาหรือบริษัท ล้วนเกิดคำถามที่ว่า ต้องขายเท่าไหร่ จึงจะไม่ขาดทุนและมีกำไร บทความนี้ได้สรุปเนื้อหาจากคลิปรายการภาษา-ภาษี จากเพจบัญชีอย่างง่าย เพื่อเจ้าของกิจการ ซึ่งมีเทคนิคการคำนวณที่ง่าย เหมาะกับคนทำธุรกิจทุกท่าน แม้จะไม่มีพื้นฐานด้านบัญชีก็ตาม มาดูกันว่า ต้องมียอดขายเท่าไหร่ เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด ทำกำไร และไปต่อได้

วางโครงสร้างการคำนวณ วิธีหาจุดคุ้มทุน ขายเท่าไหร่ถึงจะไม่ขาดทุนและมีกำไร

  1. ต้องคำนวณภาระค่าใช้จ่ายที่มีอยู่ทั้งหมด “ภาระ” ในที่นี้ก็คือ ค่าใช้จ่ายคงที่ ที่ต้องจ่ายอยู่แล้วในแต่ละเดือน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
  • ภาระของกิจการ เช่น เงินเดือนพนักงาน ค่าเช่าสถานที่ หนี้สิน
  • ภาระของเจ้าของ เช่น ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หนี้สิน
  1. กำไรขั้นต้นต่อชิ้น กำไร = ยอดขาย/ราคาขาย – ต้นทุน

แน่นอนว่าสินค้าที่จำหน่ายไม่ได้มีแค่อย่างเดียว แต่ละตัวมีต้นทุนไม่เท่ากัน คำถามที่ต้องคิดต่อคือ สินค้าชิ้นไหนขายดี ให้เรียงลำดับจากมากไปน้อย แล้วดูว่าสินค้าใดบ้างที่ทำรายได้ 70-80% ของยอดขายทั้งหมด แล้วหาค่าเฉลี่ยว่าสินค้าเหล่านั้นมีต้นทุนเฉลี่ยเท่าไหร่ ในส่วนของกำไรนั้น สามารถคิดได้เป็นบาทหรือเป็นเปอร์เซ็นต์ หลักการคำนวณเชิงประมาณการณ์ ส่วนใหญ่จะคิดออกมาในรูปของเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากสินค้ามีหลายอย่าง การหาค่าเฉลี่ยจะช่วยให้คำนวณได้อย่างสะดวก

ตัวอย่างวิธีการคำนวณ วิธีหาจุดคุ้มทุน

กำหนดให้ ภาระค่าใช้จ่ายคงที่ของกิจการ 200,000 บาท/เดือน (ไม่รวมค่าสินค้า)

ภาระค่าใช้จ่ายของเจ้าของกิจการ 150,000/เดือน

ค่าเฉลี่ยกำไรสินค้าต่อชิ้น(ยังไม่หักค่าใช้จ่าย) อยู่ที่ 30%

ถ้าในแต่ละเดือน ธุรกิจสามารถทำกำไรได้มากกว่า 200,000 บาท นั่นหมายความว่า กิจการอยู่รอด แต่เจ้าของธุรกิจไม่รอด หลักการคำนวณ ให้เอาภาระหารด้วยความสามารถในการทำกำไรของสินค้าโดยเฉลี่ยต่อชิ้น(คิดเป็น%)  จะได้ ภาระ / กำไร (%)

กรณีที่ 1 ต้องขายเท่าไหร่ เพื่อให้กิจการอยู่รอด

ภาระ/กำไร(%) = 200,000/0.3 = 666,667

ดังนั้นต้องขายให้ได้ 666,667  บาท/เดือน กิจการจึงจะอยู่รอด

กรณีที่ 2 ต้องขายเท่าไหร่ เพื่อให้กิจการอยู่รอด และเจ้าของอยู่ได้ ไม่ขาดทุน

ภาระ/กำไร(%) =(200,000+150,000)/0.3 = 1,166,667

ดังนั้นต้องขายให้ได้ 1,166,667 บาท/เดือน กิจการจึงจะอยู่รอด และเจ้าของอยู่ได้ มีเงินสำหรับใช้จ่ายส่วนตัว

กรณีที่ 3 ต้องขายเท่าไหร่ เพื่อให้กิจการอยู่รอด เจ้าของอยู่ได้ ไม่ขาดทุน และมีเงินเก็บออม

สมมติว่า ต้องการดึงเอากำไร 200,000 บาท/เดือน เพื่อเป็นเงินเก็บ

ภาระ/กำไร(%) =(200,000+150,000+200,000)/0.3= 1,833,333

ดังนั้นต้องขายให้ได้ 1,833,333 บาท/เดือน กิจการจึงจะอยู่รอด เจ้าของอยู่ได้ ไม่ขาดทุน และมีเงินเก็บออม เมื่อดูจากตัวเลขแล้วหารด้วยจำนวนวันในแต่ละเดือน เท่ากับว่าต้องขายให้ได้ 61,111 บาท/วัน

ในมุมของเจ้าของกิจการ การคำนวณคร่าวๆ นี้ ช่วยให้รู้ว่าในแต่ละเดือนต้องทำยอดขายขั้นต่ำเท่าไหร่ ควรคิดคำนวณในส่วนของกำไรที่ต้องการ รวมเข้ากับภาระค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน แต่หากกังวลว่าเดือนไหนไม่สามารถปิดยอดขายได้ 100% ตามเป้าหมายที่กำหนด อาจกำหนดเป้าหมายใหม่โดยการเพิ่มยอดขายจากเดิม 1,833,333 บาท/เดือน เป็น 2,500,000 บาท/เดือน นั่นหมายความว่ากำไรที่เราต้องการจะเก็บเพิ่มย่อมมากกว่า 200,000 บาท  หากเดือนไหนที่พนักงานขายปิดยอดขายได้แค่ 80% ยอดขายก็จะอยู่ที่ 2,000,000 บาท เท่ากับว่ายังไม่เจ็บตัว หากทำได้แค่ 70% ยอดขายจะอยู่ที่ 1,750,000 บาท แม้ไม่ถึงยอดที่ตั้งเอาไว้ แต่ก็ครอบคลุมภาระค่าใช้จ่าย กิจการอยู่รอด เจ้าของพออยู่ได้ แต่ไม่มีเงินเก็บ (ตัวอย่างกรณีที่ 2)

แม้การคำนวณรูปแบบนี้จะดูง่าย แต่มีข้อควรระวังคือ ถ้าเป็นธุรกิจที่ซื้อมาขายไป มีสต็อกสินค้า ต้องเก็บเงินสำรองไว้สำหรับซื้อสินค้าเข้ามาเรื่อยๆ นอกจากภาระกิจการ ภาระเจ้าของ และกำไรที่ต้องการแล้ว ให้บวกค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าครั้งถัดไปเผื่อเอาไว้ได้เลย

ตัวเลขจากยอดขายไม่อาจชี้วัดได้ว่าธุรกิจจะอยู่รอดเสมอไป หากไม่เข้าใจหลักการเบื้องต้นของการทำธุรกิจ การรู้ต้นทุนสินค้า กำไรต่อชิ้น และค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็เพื่อนำมาคำนวณเป้าหมายยอดขายในแต่ละเดือน จะได้รู้ว่าต้องขายเท่าไหร่จึงจะมีกำไร ธุรกิจจะได้ไม่ขาดทุน ซึ่งการกำหนดตัวเลขที่ชัดเจนเช่นนี้ ยังช่วยให้วางแผนการตลาด เพื่อกำหนดทิศทางการเติบโตของธุรกิจได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย