เบเกอรี่ก็เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมในการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ หลายคนที่ไม่มีหน้าร้าน แต่ก็สามารถสร้างรายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว นี่จึงเป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจสำหรับคนรักเบเกอรี่ที่ต้องการเปลี่ยนความชื่นชอบให้กลายมาเป็นโอกาสในการทำเงิน แต่การที่จะเข้าสู่โลกธุรกิจนั้น จะอาศัยแค่ฝีมืออย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องมีการศึกษาข้อมูลและวางแผนให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน สำหรับมือใหม่ที่ต้องการทำเบเกอรี่ขายออนไลน์ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง ใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ ทำการตลาดอย่างไรให้ขายดี บทความนี้มีคำแนะนำดีๆ มาฝากกัน

ขายเบเกอรี่ออนไลน์ลงทุนเท่าไหร่

“ขายเบเกอรี่ออนไลน์ลงทุนเท่าไหร่” เป็นคำถามที่ได้รับคำตอบแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจที่ทำ บางคนเริ่มต้นจากเตาอบเล็กๆ แล้วค่อยขยับขยาย บางคนที่เคยขายขนมมาก่อนหน้านี้ และตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะหันมาจับธุรกิจขายขนมบนช่องทางออนไลน์อย่างจริงจัง มีงบประมาณสำหรับลงทุนพอสมควร ก็อาจจะเลือกลงทุนซื้ออุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่และราคาสูงขึ้นมาอีกนิด เพื่อรองรับจำนวนยอดสั่งซื้อที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนของการลงทุนนั้น หลักๆ จะอยู่ที่อุปกรณ์ที่ใช้ทำเบเกอรี่ ราคาจะอยู่ที่หลักสิบหลักร้อย

  1. อุปกรณ์ชั่งตวง เช่น ตาชั่งดิจิตอล ถ้วยตวงของแห้ง ถ้วยตวงของเหลว ช้อนตวง
  2. อุปกรณ์ผสม เช่น เครื่องผสมอาหาร ที่ร่อนแป้ง ชามผสม ไม้พาย ตะกร้อมือ
  3. อุปกรณ์เกี่ยวกับการอบ เช่น พิมพ์อบขนม ตะแกรง กระดาษรองอบ ถาดอบ
  4. อุปกรณ์ตกแต่ง เช่น หัวบีบ ถุงบีบ สปาตูล่า

อุปกรณ์ขนาดใหญ่ที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะมีผลต่อกำลังการผลิตและคุณภาพของขนม ต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับขนาดของธุรกิจ คือ

  1. เครื่องผสมอาหาร ช่วยทุ่นแรงและประหยัดเวลาในการผสม รวมทั้งผลลัพธ์ของส่วนผสมที่ได้ จะมีความขึ้นฟูในระดับที่ต้องการ แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
  • แบบใช้มือถือ (Hand mixer) ราคาเริ่มต้นที่หลักร้อยจนถึงหลักพัน
  • แบบตั้งโต๊ะ (Stand mixer) ราคาเริ่มต้นที่ 5-6 พันบาท ไปจนถึงหลักหมื่น

สำหรับการทำขนมขาย แนะนำให้เลือกแบบตั้งโต๊ะ เพราะใช้งานได้คุ้มค่ากว่า เหมาะกับการทำเบเกอรี่จำนวนมาก ราคาก็จะแตกต่างกันที่ยี่ห้อ รุ่น ความจุของโถ และประสิทธิภาพของเครื่อง

  1. เตาอบ มีหลายขนาดตามการใช้งาน แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ เตาอบไฟฟ้าและเตาอบแก๊ส เตาอบไฟฟ้าถือเป็นเตาอบเบเกอรี่ในครัวเรือนที่นิยมที่สุด ในเชิงการค้าที่เน้นทำขนมในปริมาณมากๆ เตาอบเบเกอรี่ที่ใช้แก๊สก็ถือว่าคุ้มค่ากว่า แต่ต้องมีพื้นที่กว้าง และอากาศถ่ายเทได้สะดวก

สำหรับการลงทุนขายขนมออนไลน์ แนะนำเป็นเตาอบไฟฟ้า ราคามีให้เลือกตั้งแต่หลักพันปลายๆ จนถึงหลักหมื่น ควรเลือกขนาด 60 ลิตรขึ้นไป เพราะมีช่องตะแกรงสำหรับอบเพียงพอ

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในส่วนของวัตถุดิบที่เลือกใช้และบรรจุภัณฑ์ เงินลงทุนเริ่มต้นสำหรับการลงทุน เมื่อรวมอุปกรณ์และวัตถุดิบที่ต้องใช้ทั้งหมดแล้ว เริ่มต้นที่หลักหมื่นต้นๆ ซึ่งการเลือกใช้อุปกรณ์ให้ถูกต้อง จะช่วยให้ประหยัดเวลา และลดโอกาสผิดพลาดในขั้นตอนการทำขนมอีกด้วย

ขายเบเกอรี่ออนไลน์ลงทุนเท่าไหร่ รู้แล้วยังไม่พอต้องรู้ว่าควรกำหนดราคาอย่างไร และเมื่อไหร่จะคืนทุน

เมื่อเราเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ถัดไปคือ “จะตั้งราคาขายยังไงดี” การคิดต้นทุนเป็นสิ่งสำคัญมากในการขายเบเกอรี่ หากคำนวณไม่ถูกก็ไม่สามารถกำหนดราคาขายได้ ซึ่งคำถามที่ต้องตอบให้ได้ก่อน คือ ขนมของเราตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มไหน ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง หรือมีกรรมวิธีการผลิตที่ซับซ้อนแตกต่างจากขนมทั่วไปหรือไม่ เพราะนี่เป็นส่วนที่จะช่วยให้เราค้นหาราคาที่เหมาะที่สุดสำหรับขนมชิ้นนั้น ราคาต้องสอดคล้องกับผลประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับและคุ้มค่ามากที่สุด ราคาของเบเกอรี่ที่ถูก อาจหมายถึงวัตถุดิบที่ใช้นั้นมีราคาถูก รสชาติที่ได้ก็จะเป็นไปตามคุณภาพของวัตถุดิบ โดยทั่วไปการคิดต้นทุนเบเกอรี่เพื่อตั้งราคาขาย จะคำนวณจากอัตราส่วนของต้นทุนวัตถุดิบเบเกอรี่

ส่วนมากแล้วมักจะคิดต้นทุนต่อราคาขายเท่ากับ 30-40%  แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องใช้อัตราส่วนนี้ในการกำหนดราคาสินค้าเสมอไป และต้องไม่ลืมคำนวณต้นทุนด้านอื่นๆ หรือที่เรียกว่า “ต้นทุนแฝง” เช่น ค่าเสื่อมอุปกรณ์ ค่าเสี่ยงต่อการเสียหาย ค่าไฟฟ้า ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าแรง (แม้เราจะทำคนเดียวก็ตาม) ทั้งหมดนี้ประมาณ 20-30% จากนั้นให้บวกกำไรเพิ่มเติมจากต้นทุนอีกประมาณ 30-50% แล้วจึงคิดเป็นราคาขายต่อชิ้น

อีกหนึ่งเรื่องที่คนทำธุรกิจมือใหม่ควรรู้คือ “การคำนวณจุดคุ้มทุน” วิธีนี้จะทำให้รู้ว่า ต้องทำยอดขายให้ได้อย่างน้อยเท่าไหร่ต่อวัน ต่อเดือน หรือต่อปี จึงจะไม่ขาดทุน หรือต้องขายชิ้นละกี่บาท ถึงจะไม่ขาดทุน? ซึ่งมีวิธีการคำนวณหลายแบบ อย่างในกรณีที่ขายเบเกอรี่ออนไลน์ มีกำลังการผลิตที่จำกัด สามารถหาราคาขายขั้นต่ำ ดังนี้

ราคาขาย = (ต้นทุนคงที่รวม / จำนวนสินค้าที่ผลิตและขายได้ ) + ต้นทุนแปรผันต่อหน่วย

ต้นทุนคงที่ = ต้นทุนที่ตายตัว ค่าใช้จ่ายรายเดือน ไม่แปรผันกับยอดใดๆ ทั้งสิ้น เช่น ค่าแรง ค่าเช่าที่

ต้นทุนผันแปร = ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการผลิตสินค้าต่อ 1 ชิ้น เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าโฆษณาบน Social Media

ตัวอย่าง ขายคุกกี้ออนไลน์ มีกำลังผลิตคงที่เดือนละ 3,000 ชิ้น มีต้นทุนคงที่ 4,000 ต้นทุนแปรผันชิ้นละ 5 บาทดังนั้น ราคาขาย = (4,000/3,000) + 5 = 6.3  เท่ากับว่าต้องขายคุกกี้ชิ้นละ 6.3 บาทขึ้นไป เพื่อไม่ให้ขาดทุน

การกำหนดราคาที่เหมาะสมมีความสำคัญต่อกำไรของธุรกิจ จึงต้องคำนวณ “ราคาต้นทุนการผลิต กำไร และราคาขาย” อย่างแม่นยำ ถ้าตั้งราคาขายผิด อาจถึงขั้นเจ๊งได้

ขายเบเกอรี่ออนไลน์ทำอย่างไรให้ขายดี

การขายเบเกอรี่ออนไลน์ ที่ไม่ต้องมีหน้าร้านก็ขายได้ แค่เปิดรับออเดอร์ แล้วค่อยทำส่งให้ลูกค้า แต่ก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่า คู่แข่งในโลกออนไลน์นั้นมีจำนวนมาก พ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่จึงต้องหากลยุทธ์ในการทำการตลาด เพื่อให้ขนมเป็นที่รู้จักและขายดี

1.รูปภาพโปรโมทที่สะดุดตา

ทำอย่างไรให้ลูกค้าเห็นสินค้าเราแล้วรู้สึกว่า ดูอร่อย น่ากิน ต้องสั่งมาลองให้ได้ รูปถ่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะลูกค้าจะตัดสินใจซื้อจากสิ่งที่เห็น บางคนถ่ายรูปสวย แต่ขนมวางบนพื้น แบบนี้ก็ไม่ไหว อาจใช้แอปแต่งรูปช่วย เพื่อให้ขนมมีสีสันสวยงามน่าทานยิ่งขึ้น แต่ไม่ควรแต่งภาพจนผิดไปจากสินค้าจริง ถ้าขนมของเรามีเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เนื้อขนมที่นุ่มฟูเด้ง ซึ่งเป็นจุดขายของสินค้า อาจจะทำคลิปสั้นๆ ก็ได้ และต้องไม่ลืมใส่โลโก้ร้านบนรูปสินค้า เพื่อป้องกันผู้อื่นขโมยภาพของเราไปใช้

2.บรรจุภัณฑ์ที่ดูดี

รูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดูดี สะอาด เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สินค้ามีความน่าสนใจ ลูกค้ามองปุ๊บต้องอยากซื้อปั๊บ และต้องไม่ลืมนึกถึงขั้นตอนการแพ็คสินค้า ต้องแน่ใจว่าขนมจัดส่งถึงมือผู้รับโดยปลอดภัย ไม่เสียหายระหว่างจัดส่ง เพราะนี่คือความประทับใจแรกของลูกค้าเมื่อได้รับสินค้า หากขนมได้รับความเสียหายที่เกิดจากการแพ็คสินค้า อาจเกิดการคอมเม้นต์ในเชิงลบได้

3.ช่องทางการโปรโมทร้านขายเบเกอรี่ออนไลน์

การทำให้ขนมของเราเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์ ต้องอาศัยการโปรโมท ต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราใช้ช่องทางไหนเป็นหลัก เช่น Facebook Page, Instagram, Line, Website, Shopee, Lazada  เพื่อที่จะได้วางแผนการตลาดในช่องทางนั้นๆ ต่อไป ในช่วงเริ่มต้นความยากอยู่ตรงที่ จะทำอย่างไรเพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้า หรือทำตัวเองให้แตกต่างจากร้านทั่วไปได้ยังไง ซึ่งการเล่าเรื่อง (Story Telling) จะช่วยให้ขนมของเรามีความน่าสนใจ ช่วยสร้างตัวตนให้กับแบรนด์ รวมถึงการสร้างคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ เกี่ยวกับธุรกิจของเรา

นอกจากรสชาติขนมที่อร่อย ใส่ใจบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงรายละเอียดต่างๆ แล้ว ควรรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น พร้อมกับการบริการที่ดีควบคู่กันไป สำคัญคือ ต้องไม่ลืมศึกษากลยุทธ์ที่จะช่วยให้ธุรกิจขายเบเกอรี่ออนไลน์สามารถเพิ่มยอดขาย และขยายฐานลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น-


บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์  ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ  Content  Marketing,การโฆษณา  Facebook,การโฆษณา  Tiktok,การตลาด  Line  OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google

บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ 
ขายเบเกอรี่ออนไลน์ลงทุนเท่าไหร่