นักลงทุนแห่ถอนเงินกว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ภายในไม่กี่วันจาก Stablecoin ของ Binance ซึ่งเป็นผลมาจากการตรวจสอบด้านกฎระเบียบ

สำนักข่าว reuters ได้รายงานเรื่อง นักลงทุนแห่ถอนเงินกว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ภายในไม่กี่วันจาก Stablecoin ของ Binance ซึ่งเป็นผลมาจากการตรวจสอบด้านกฎระเบียบ โดยมีรายละเอียดดังนี้

นักลงทุนต่างพากันแห่ถอนเงินออกจากเหรียญ Stable coin ไปกว่า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในสัปดาห์นี้ โดยมาจากคำชี้แจงของ CEO ของ Binance ผ่านบน Twitter หลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐหันมาสนใจควบคุมและตรวจสอบสกุลเงินดิจิตอลกันมากขึ้น

            โดย Changpeng Zhao CEO ของ Binance กล่าวบน Twitter ว่านักลงทุนได้ย้ายเงินส่วนใหญ่ออกจาก Binance USD ไปยัง Tether ซึ่งเป็น Stablecoin ที่เป็นโทเค็นมูลค่า 1 ดอลลาร์ เหตุการณ์ในครั้งนี้ Changpeng Zhao เรียกว่า ภูมิทัศน์กำลังเปลี่ยนไป

Stablecoins คือเหรียญที่ถูกใช้สำหรับการซื้อขายระหว่างโทเค็น crypto ด้วยกันเองและระหว่าง crypto กับสินทรัพย์แบบดั้งเดิม Binance USD เป็น Stablecoin ที่ใหญ่เป็นอันดับสามรองจาก Tether และ USD Coin

มูลค่าตลาดของ Tether ซึ่งเป็นหน่วยวัดจำนวนเงินที่ถือครองอยู่ใน Tether นั้นเพิ่มขึ้นประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ตามรายงานของเว็บไซต์วิเคราะห์ coinmarketcap.com

New York Department of Financial Services กล่าวว่าได้สั่งให้บริษัทที่อยู่เบื้องหลัง Binance USD อย่าง Paxos Trust Company หยุดสร้างโทเค็นโดย Paxos กล่าวว่าหลังจากได้รับการแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐว่าบริษัทซึ่งมีฐานอยู่ในนิวยอร์กควรจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ Stablecoin เป็นหลักทรัพย์

โทเค็นดั้งเดิมของ Binance คือ Binance Coin ตกเป็นข่าวแต่หลังจากนั้นก็ฟื้นตัวและคงที่ที่ 306.96 ดอลลาร์ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า Binance ซึ่งเป็นบริษัทแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอล มีการเข้าถึงบัญชีธนาคารที่เป็นของพันธมิตรอิสระในสหรัฐอเมริกาอย่างลับ ๆ และโอนเงิน 400 ล้านดอลลาร์ไปยังบริษัทการค้าที่จัดการโดย Zhao

ที่มา: https://www.reuters.com/technology/investors-pull-25-bln-days-binances-stablecoin-regulatory-scrutiny-2023-02-17/

ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจจากเรื่องที่นักลงทุนแห่ถอนเงินกว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์จาก stable coin ของ Binance

ตลาดของสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลมากแต่กระนั้นในช่วงเวลาที่ผ่านมากลับยังไม่มีการควบคุมมากพอจนส่งผลให้เกิดช่องโหว่บางอย่างที่กระทบกระเทือนไปทั้งตลาดและสร้างความเสียหายแก่นักลงทุนไม่น้อย ประเด็นนี้จึงเริ่มทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาเริ่มหันมาให้ความสนใจและเข้าควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องนักลงทุนจากความสูญเสียที่คาดไม่ถึง

แม้ว่าเราจะค่อนข้างเชื่อมั่นในทคโนโลยีบล็อกเชนว่ามีเสถียรภาพมากพอที่จะป้องกันการโกงจากภายในระบบ แต่กระนั้นทาง SEC กลับมองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลเองก็ยังคงเป็นสินทรัพย์ชนิดหนึ่งเฉกเช่นสินทรัพย์ชนิดอื่น ๆ ที่มีโอกาสถูกนำไปใช้งานอย่างผิดกฎหมายรวมถึงอาจมีการกระทำบางอย่างที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินเช่นกัน

ทาง SEC ต้องการให้ stable coin เข้ามาจดทะเบียนเป็นสินทรัพย์เพื่อง่ายต่อการควบคุม แต่ทางตัวของ Binance USD ยังไม่ได้จดทะเบียนหลักทรัพย์ตามคำกล่าวอ้างของ SEC ซึ่งทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกจนนำไปสู่การแห่ถอนเหรียญ Stable coin นี้และนำไปสู่การเปลี่ยนเป็นการถือครองเหรียญ Tether ซึ่งเป็น stable coin อีกตัวหนึ่ง ส่วนอนาคตของ Binance USD จะเป็นอย่างไรเราจำเป็นต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดต่อไป

สิ่งที่นักลงทุนควรจะทำภายใต้สถานการณ์เกี่ยวกับคริปโตในช่วงเวลานี้คือนักลงทุนจำเป็นต้องติดตามข่าวเกี่ยวกับความเป็นไปของวงการสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าเมื่อหน่วยงานที่สำคัญเข้ามากำกับดูแลแล้วสินทรัพย์ดิจิทัลจะส่งผลอะไรบ้างและทำให้แนวโน้มของสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นอย่างไรในอนาคต เพื่อที่จะได้วางแผนการลงทุนให้เหมาะสมที่สุดรวมถึงเป็นการคัดกรองสินทรัพย์ที่น่าเชื่อถือออกจากสินทรัพย์ที่ขาดความน่าเชื่อถือออกไปด้วย

สุดท้ายก่อนที่นักลงทุนจะทำการตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ ความรู้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณรอดพ้นจากวิกฤติใด ๆ ที่อาจทำให้คุณต้องเสียหายจากการลงทุน นอกจากนี้คุณยังคงต้องให้ความสำคัญกับวินัยในการลงทุนให้มากที่สุด เพราะวินัยการลงทุนที่ผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้วจะทำให้คุณมีโอกาสเป็นผู้ชนะในทุก ๆ การลงทุน ดังนั้นอย่าปล่อยให้ความโลภและความกลัวเข้ามาส่งผลกระทบต่อจิตใจจนทำให้คุณสูญเสียตัวตนในการลงทุนไป เพราะนั่นก็อาจจะเป็นจุดจบในเส้นทางการลงทุนของคุณในที่สุด