//เถ้าแก่ใหม่ :แนะนำตัวกันหน่อยครับ

//คุณโฟร์ : ผมเป็นเด็กเกาะเกิดและโตที่จังหวัดภูเก็ต ครอบครัวมีฐานะแบบสุดยอด(ยากจน) แต่โชคดีที่สติปัญญาผมพอใช้ได้ พ่อแม่อยู่ในศีลธรรม (ชาติก่อน ปฏิบัติไว้เยอะ) ทำให้ผมได้ซึมซับอะไรหลายๆอย่าง ทั้งคุณธรรม ความรับผิดชอบ ความมุ่งมั่นอดทน รวมถึงการเข้าวัดทำบุญ การสวดมนต์ที่บ้าน การให้ทาน และอีกมากมาย

ผมมีเป้าหมายแค่ เรียนให้จบ ปวช.เพื่อจะได้ทำงานได้เลย ไม่ต้องรอจบ ม.6 แล้วต่อปริญญาตรี จะได้ช่วยพ่อแม่แบ่งเบาภาระ ด้วยเป้าหมายแบบนี้ กับสติปัญญาที่มี ทำให้ผมได้จบ ปวช. สาขา อิเล็กทรอนิกส์ จากวิทยาลัยเทคนิคประจำจังหวัด รวมถึงได้โควต้า เทคนิคการแพทย์ ที่มหิดล (ตกสัมภาษณ์ เนื่องจากหน้าตาผิดระเบียบ) ล้อเล่นครับ จริงๆตกเพราะมีความมั่นใจเกินไป เกรงว่าอาจจะส่งผลถึงชีวิตคน เลยได้เข้ามาศึกษาต่อใน ระดับ ปวส. สาขาเทคนิคคอมพิวเตอร์ ที่กทม. ประโยคนึงที่ดันผมมาถึงปัจจุบันคือ “คนไทยเก่งเรื่องเทคนิค เรื่องการประยุกต์ แต่ไม่กล้าและไม่เก่งในเรื่องภาษาสักเท่าไหร่” อยากจะบอกรุ่นพี่ว่า สำหรับผมมันใช้ไม่ได้ เราคุยกับฝรุ่งตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่ประมาทครับ ดังคำที่ว่า “ผู้ใหญ่ อาบน้ำร้อนมาก่อนเรา” จึงแบ่งเวลาเรียนไปเพิ่มความรู้ทางภาษา เรียนมาไปจบ วิศวโทรคมนาคม จากลาดกระบังซะงั้น .. และจบภาษาของ AUA ด้วนใน Regular course Level 15 หลังจากเริ่มทำงานได้ 1 ปี.

เข้าสู่ชีวิตวัยทำงาน วิศวะลาดกระบัง ภาษาก็ดี เริ่มต้นที่เงินเดือน 9,000 บาทต่อเดือน กับ บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการสื่อสารของญี่ปุ่น ประจำสาขาประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่น อดทน ความรับผิดชอบที่มี กับความสามารถด้านภาษาที่หมั่นฝึกฝนอยู่เสมอ ผ่านไป 2 ปีทำให้เลื่อนตำแหน่งมาเป็น Senior Engineer (อายุน้อยที่สุดในบรรดา Engineer ทั้ง Office) ได้อย่างเสียอย่างครับ จาก 9,000 มาเป็น 36,000 ก็ดีนะ แต่เวลาที่เราต้องเป็นตัวประสานงานจาก สาขาทั่วโลก และต้องคอย Manage ทุกสิ่งอย่าง รายงานกลับไปที่หัวหน้าที่เป็นชาวญี่ปุ่นโดยตรงถึง 3 ท่าน มันทำให้ผมทนได้แค่ 2 ปี

.. ย้ำครับ “ทนทำงาน เพื่อปากท้องของครอบครัว” แล้วผมก็ตัดสินใจลาออก โดนทางบ้านกระหน่ำสรรเสริญกันใหญ่เลยครับ ผมลาออกมาหาความรู้เพิ่มเติม ซื้อ course อบรม CCNP กับ บ.แห่งหนึ่ง ด้วยเงินเก็บที่มีประมาณ 120,000 บาท พร้อมเสบียงมาม่าที่กักตุนไว้พร้อม ที่จะมีกินไปประมาณ 2 เดือน ผมมั่นใจว่าผมจะหางานใหม่ได้ภายใน 1 เดือนและจะได้ต้องมีรายได้ที่มากกว่าเดิม 20% รวมถึงต้องมีเวลาใช้ชีวิตด้วย

ไม่น่าเชื่อครับว่า ด้วยการแบ่งเวลาไปเรียน CCNP เสาร์อาทิตย์ กับอีก 2 อาทิตย์หลังผมลากออก ทำให้ผมได้งานที่ใหม่ เงินเดือนกว่าครึ่งแสน ย้าย Role จาก Support มาเป็น Presale เจอคนมากขึ้นได้พัฒนา Soft Skill เยอะเลย เช่น Communication Skill, Presentation Skill และอื่นๆอีกมากมาย

ด้วยความหวังและหนี้สิน ที่ทางบ้านฝากอนาคตไว้กับผม มันทำให้ผมเจอจุดเปลี่ยนของชีวิต ด้วยการตัดสินใจที่ผิด
“ไว้รออ่านบทความใน Ebook :ยิ่งสวด ยิ่งสุข ยิ่งสุข ยิ่งรวย ได้ครับ” ทำให้ผมเจอวิกฤตชีวิต หนี้บ้านกับหนี้ที่ผมสร้างรวมกันกว่า 10 ล้าน ทำให้ผมเคยคิดจะฆ่าตัวตาย

โชคยังดีที่เจอ ครูบา อาจารย์ท่านช่วยชี้แนะ ชี้กรรมบางอย่างทั้งส่วนของสุขภาพของแม่ผม และผลดีที่ลุกทำบุญ ไม่ต้องกรวดน้ำ พ่อแม่ได้บุญทันที ทำให้ผมได้กลับมา สวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิอีกครั้ง ด้วยเป้าหมายใหญ่คือ ช่วยให้แม่หมดกรรมสุขภาพเร็วขึ้น เป้าหมายรอง ดับความเครียดส่วนตัว จากวันนั้นถึงวันนี้ กว่า 8 ปี ที่ปฏิบัติมาแบบสม่ำเสมอ เริ่มเอาตัวรอดได้ พาพ่อแม่เข้าทางธรรมได้ รายได้เปลี่ยนจาก 5 หลัก เป็น 6 หลัก ทำงานจากที่ไหนก็ได้ที่มี Internet พบเจอแต่คนดีๆ สิ่งดีๆมีเข้ามาในชีวิตเสมอ .. อ๊ะ นอกเรื่องไปเยอะและ

//เถ้าแก่ใหม่ใจถึง :เริ่มทำธุรกิจได้อย่างไร ทำไมถึงเลือกธุรกิจนี้

//คุณโฟร์ :“I will always choose a lazy person to do a difficult job. Because he will find an easy way to do it”. Bill Gates กล่าวไว้ว่า “ผมจะเลือกคนขี้เกียจให้ทำงานยากๆเสมอ เพราะเขาจะหาวิธีการที่ง่ายมาทำมัน”

ที่ยกประโยคนี้ขึ้นมาเพราะ ผมเป็นคนขี้เกียจ ชอบอยู่บ้าน เลยคิดว่า การทำงานผ่าน Internet นี่มัน ฟิน ดี จริงๆ ทำที่ไหนก็ได้ ทำเมื่อไหร่ก็ได้ ประกอบกับมี เพื่อนที่ ออกมาเป็นเถ้าแก่แล้ว ทำธุรกิจ Online ผมเลยเริ่มที่จะลงมือ สร้างมันขึ้นมา เรียนกับเพื่อน เรียนกับสถาบันอื่นๆบ้าง การเขียน Website การทำ SEO ทำยังไง ทำคู่ไปกับงานประจำ ด้วยหวังว่าผมจะได้ประสบการณ์ และจะสามารถเป็นอีก 1 ที่มาของรายได้ ที่มีโอกาสมากกว่างานประจำ ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องจ้างลูกน้อง ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไปได้ดีครับ รายได้จาก Online Marketing ยังไม่แซง ณ วันนี้ แต่มันมีโมเมนตั้ม มาถึงจุดนี้ เป้าหมายผม เปลี่ยนอีกแล้ว

กว่า 8 ปีที่ ปฏิบัติธรรมมา มันหล่อหลอมผมให้กลายเป็นคนใหม่ (คนที่เพื่อนๆไม่เคยเชื่อว่า ผมจะเป็นได้ 55) ทำให้ผมมีงานประจำที่มีรายได้ 6 หลัก จากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน network computer จาก USA ผมดูแลรับผิดชอบงาน zone ASEAN เพียงคนเดียว ทำงานจากที่ไหนก็ได้ .. มีธุรกิจ Online เป็นของตัวเอง ที่มีรายได้มาผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ได้อย่างสบายๆ

//เถ้าแก่ใหม่ใจถึง :ปัญหามีอะไรบ้าง ผ่านมาได้อย่างไร

//คุณโฟร์ :ปัญหาหลักในงานประจำของผมคือเรื่องของคน ซึ่งธรรมะ ช่วยได้มากครับ ส่วนปัญหาในธุรกิจของผม ก็คงเหมือนกับคนทำธุรกิจขนาดเล็กทั่วไป คือ การมีทรัพยากรจำกัด ไม่ว่าจะเป็นด้านเงินทุน เวลา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายใหญ่ของเรา
สำหรับOnline Marketing เกี่ยวกับ ความสวยความงาม ซึ่งจัดว่าเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจาก น้ำมัน และกาแฟ มันทำให้มีคู่แข่งที่มากมาย แต่เนื่องจากเป้าหมายของผม คือ ความรู้และประสบการณ์ ไม่ใช่ตัวเงิน ประกอบกับรายได้จากงานประจำที่ยังถือว่าค่อนข้างมั่นคง มันทำให้ผมทำมันไปได้แบบไม่ต้องเครียดมาก

//เถ้าแก่ใหม่ใจถึง :ปัจจัยสู่ความสำเร็จคืออะไร

//คุณโฟร์ :ความสำเร็จของแต่ละคนไม่เท่ากันสำหรับผมแล้ว ความสำเร็จ คือ ความสุขจากการได้ใช้ชีวิต ผมได้ทำงานที่ผมรักมีรายได้อย่างที่ต้องการ มีเวลาให้กับครอบครัว มีส่วนร่วมในการแบ่งปันสิ่งดีๆ สร้างสรรค์สังคมด้านบวก ปลูกฝังคุณธรรมเข้าไปให้แก่สังคมผมเชื่อว่าปัจจัยสู่ความสำเร็จในด้านธุรกิจเพราะเรายึดหลัก “ความซื่อสัตย์” บวกกับ “ความใส่ใจในการให้บริการ” เอาใจเขามาใส่ใจเราอันนี้ส่วนตัวที่เห็นว่าลุกค้าตัดสินใจซื้อสินค้ากับบริการกับทางผมเพราะอะไร
แต่ส่วนตัวผมนั้นมันมีอีกหลายอย่างที่เป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จเช่นความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ การแบ่งเวลา ข้อหลังสำคัญมาก เพราะผมยังต้องดุแลงานประจำไปด้วย ประมาณว่า อู่ข้าวอู่น้ำแรก ก็ต้องรักษาไว้ให้ดี แล้วก็ต้องมองหาช่องทางขยายแหล่งรายได้ด้วย

//เถ้าแก่ใหม่ใจถึง : ช่องทางการตลาด แผนการตลาดอนาคต เป็นอย่างไร

//คุณโฟร์ : สำหรับผมต้องเรียนตรงๆครับ ว่าผม Focus การให้คืนสังคมมาก หลังจากที่ผมล้มมา ผมไม่อยากให้คนไทยเจอเรื่องราวเลวร้ายแบบที่ผมเจอ ผมให้น้ำหนักกับการให้ธรรมทานก่อนเป็นอย่างแรกครับ
(www.konlayoot.com)ส่วนงานOnline Marketing กับตลาดความสวยความงามนั้น มันต้อง Focus และให้เวลากับมันมาก ผมแค่ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เพิ่มตัวสินค้า เช่น กาแฟสุขภาพ ตัวควบคุมน้ำหนักที่ผลิตจากธรรมชาติ 100% เข้ามาเพิ่ม เอาฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่มาช่วย แล้วปล่อยให้ระบบมันทำงานไปครับ

และผมเลือกที่นำเอาความรู้และประสบการณ์ที่ได้ ไปช่วยเพื่อนๆดูแล สนับสนุนเพื่อนๆที่(เป็นคนดี)และทำธุรกิจอยู่แล้ว ช่วยดูแลเรื่องของSocial Media / Online Marketing / ระบบ Computer Network ขององค์กรให้กับ บริษัทของเพื่อนๆ ทั้งทางสายบันเทิง สายโรงงานผลิตอาหารเสริม เครื่องสำอางค์และนวัตกรรมต่างๆ .. ด้วยความเป็นเพื่อน ธุรกิจก็เกิด เพื่อนๆก็แบ่งปันค่าขนม ค่าเสียเวลาให้เรา ดังคำที่ว่า “ยิ่งให้ ยิ่งได้”

//เถ้าแก่ใหม่ใจถึง : อยากฝากอะไรกับคนที่เริ่มทำธุรกิจเป็นเถ้าแก่ใหม่

//คุณโฟร์ :สำหรับเถ้าแก่ใหม่ ผมมีคำแนะนำส่วนตัวที่อยากฝากไว้สัก 5 ข้อ

1) หา Why ให้เจอ ว่าทำไมคุณต้องสร้างธุรกิจ
เอามันมาเป็นแรงผลักดันครับ อย่างผม ถ้างานประจำเขาเลิกจ้างผม มันน่ากลัวไหมครับ รายได้เยอะ รายจ่ายก็เยอะ อายุก็เยอะ หางานใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย (แต่สำหรับผม ผมเชื่อว่าผมเลือกงานได้ 555)

2) คิดให้รอบคอบ แต่ไม่ต้องคิดเยอะ
หลายๆคนที่ผมเห็น คิดเยอะมากครับ คิดจนหาเหตุผลมาให้ไม่ได้ลงมือทำ ทำลงทำเลไม่ต้องครับ แต่ต้องทำเลย
ทุกๆอุปสรรคและความผิดพลาด มันนำพาความสำเร็จมาสู่เราด้วยเสมอ หามันให้เจอ มองมันให้ออกครับ แล้วเก็บเกี่ยวต่อยอดปรับปรุงพัฒนาจากมัน

3) มีเป้าหมายและมีวินัยต่อเนื่อง
ความมีวินัยต่อตนเองเป็นเรื่องสำคัญมากในการทำงานใดๆ ยิ่งถ้าเราเป็นเถ้าแก่ด้วยแล้ว เรายิ่งต้องมีวินัยให้มากครับ ถ้าอยากให้ธุรกิจของเราก้าวหน้า เราต้องอย่าหยุดพัฒนา มีงบน้อย ลงทุนอะไรไม่ได้ ก็ลงทุนกับตัวเองครับ เลือกสัมมนา การอบรมอะไรที่มันสอดคล้องกับเป้าหมายเรา แล้วศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ Every Leader is a Reader ผมขอแปลแบบนี้ครับ แปลตรงๆมันห้วนๆไปหน่อย “ผู้นำคือผู้ที่พัฒนาอยู่เสมอ”

4) รู้จักการแบ่งเวลา
เถ้าแก่ใหม่ ส่วนใหญ่ ไฟแรงมาก ทำแต่งานทั้งวันทั้งคืน จนลืมสนใจด้านอื่นๆที่สำคัญเช่น สุขภาพ อารมณ์ ครอบครัว เป็นต้น คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ นอกจากเขาเป็นคนที่ดูแลธุรกิจได้ดีแล้วนั้น จะพบว่าเขาเหล่านั้นเป็นคนที่ดูแลตัวเองและครอบครัวได้เป็นอย่างดี สำหรับผมวางแผนการทำงาน(To Do List) สำหรับวันรุ่งขึ้นในช่วงเวลาก่อนนอนนั้นบวกกับการFocus กับ 3 งานหลักที่สอดคล้องกับเป้าหมาย ทำมันให้เสร็จก่อนทำงานประจำทุกๆวันนั้น มันทำให้ผมมีเวลาเหลือ ที่สามารถสวดมนต์ทุกวันตอนเช้าหลังตื่นนอน มีเวลาทำบุญกับแม่ พาท่านไปใส่บาตรให้อาหารปลาทำงานประจำได้แบบไม่พลาด สร้างอีก 2-3 ธุรกิจไปได้อย่างสม่ำเสมอ มีเวลาออกกำลังกาย มีเวลาไปดูหนัง กินอาหารอร่อยๆ

5) ฝึกจิตอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับผมผมให้ความสำคัญของข้อที่ 5 มากที่สุด เพราะมันช่วยให้เรามีสติ รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร รอยหยักในสมองจะมากขึ้น ดึงดูดแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต เข้าใจเขา รู้จักตัวเรา และสุดท้ายจะช่วยเหลือตัวเองและสังคมรอบข้างให้ผ่านปัญหา ก้าวหน้าไปด้วยกันทั้งทางโลกและทางธรรม อย่างสง่างาม“มนุษย์เราเดินไปข้างหน้า ไม่ได้ใช้ขา แต่ว่าใช้ใจ” ครับดังนั้นต้องฝึกจิตใจทุกวันครับ

สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณเพื่อน เกียรติ ที่เป็นทั้งเพื่อนวัยเรียน กินนอนด้วยกัน เพื่อนกัลยาณมิตรทางธรรม รวมถึงที่ปรึกษาในการทำธุรกิจมาโดยตลอด ที่มอบโอกาสในการเขียนเรื่อง “เถ้าแก่ใหม่ใจถึง” ทำให้ผมได้มีอกาสแบ่งปันแนวความคิดและแรงบันดาลใจบางอย่าง ที่มีส่วนทำให้ผมมาถึงวันนี้ด้วยครับ

สำหรับท่านเถ้าแก่ใหม่ ผมขอให้ท่านหาตัวเองให้เจอ ทำอะไรที่ไม่ได้เงินแล้วยังอยากทำอยู่ ทำเลยครับ รุ่งแน่นอน Partner ที่ดี ที่ปรึกษาที่พร้อมจะช่วยเหลือมีอยู่มากในโลก Online ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนเกียรติ หรือตัวผมเอง ยินดีให้คำปรึกษาพร้อมสนับสนุนคนดีๆให้ได้มีส่วนช่วยกันเปลี่ยนแปลงสังคมไปด้วยกัน ดัง1 ในเป้าหมายส่วนตัวของผมคือ “สงบ เย็น และเป็นประโยชน์”ได้ทำธุรกิจตามที่ต้องการอย่างมีความสุข มีความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม ก้าวหน้า มั่งคั่ง มั่นคงสืบไป

หากท่านต้องการพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์กับผม สามารถติดต่อด้านล่างนี้ครั

โฟร์ กลยุทธ จันทวงศ์
Email: [email protected]
Facebook: https://www.facebook.com/konlayoot.jantawong
Fanpage :โฟร์ กลยุทธ หลุดกรรม https://www.facebook.com/releasekarma
www.konlayoot.com
www.innovalabsthailand.com

ขอบคุณกัลญาณมิตรคุณโฟร์ ที่มาบอกเล่าเรื่องราว
การทำงานประจำควบคู่กับการทำธุรกิจส่วนตัว
สร้างกิจการบนโลกออนไลน์ครั