การทำ เกษตรอินทรีย์ไม่ใช่แค่ผลผลิตที่มีความปลอดภัยในการบริโภคเท่านั้น แต่ยังลดโอกาสเสี่ยงในการสัมผัสสารเคมีทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามสมดุลทางธรรมชาติให้มากที่สุด อย่างไรก็ตามมีเกษตรกรจำนวนไม่น้อยที่อยู่อย่างลำบาก มีภาระหนี้สินมากมาย ทำอย่างไรให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น แขกรับเชิญที่ร่วมแชร์ประสบการณ์เป็นเกษตรกรอยู่ในเส้นทางสายเกษตรอินทรีย์ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการทำเกษตรไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตลำบากเสมอไป นำวิธีการทำเกษตรจากต่างประเทศมาประยุกต์กับการทำเกษตรแบบไทย สามารถพึ่งพาตนเองและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน คุณจิรัสยา วรรณไชย วิลาร์ด เจ้าของสวนกระต่าย สบายเลย ออร์แกนิค

แรงบันดาลใจในการทำเกษตรจากประเทศแถบยุโรปที่ส่งออกสินค้าเกษตรติดอันดับโลก

ก่อนหน้านี้คุณจิรัสยาทำงานออฟฟิศอยู่ที่กรุงเทพมหานคร มีโอกาสได้เดินทางไปฮอลแลนด์ (ประเทศเนเธอร์แลนด์) ประเทศแห่งเกษตรกรรมล้ำสมัย ที่มีมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก จึงเกิดความสงสัยว่า ทำไมเกษตรกรที่นั่นถึงร่ำรวย? มีคุณภาพชีวิตที่ดี คุณจิรัสยาอยากที่จะศึกษาเรียนรู้การทำเกษตรสไตล์เนเธอร์แลนด์ หวังว่าสักวันหนึ่งเมื่อเดินทางกลับไทยจะนำความรู้ตรงนี้ไปทำการเกษตรที่จังหวัดบ้านเกิด

จนได้มีโอกาสสัมผัสกับวิถีชีวิตเกษตรกรชาวเนเธอร์แลนด์ท่านหนึ่งซึ่งเป็นสามีของเพื่อนเธอ พบว่า จะทำเกษตรก็ต่อเมื่อพร้อมเท่านั้นและต้องมีเงินทุน อย่างในฟาร์มที่มีการเลี้ยงวัวนม ปลูกผักและอื่นๆ ทั้งหมดนี้ทำแค่คนเดียว การทำเกษตรกรรมของที่นั่นจะต้องมีการวางแผนล่วงหน้า ในระยะเวลา 1 ปี จะแบ่งออกเป็น 4 ไตรมาส แต่ละไตรมาสก็จะวางแผนว่าจะทำอะไร ในแต่ละวันก็จะแบ่งเวลาในการทำงานว่าช่วงไหนต้องทำอะไรบ้าง เช่น จะรีดนมวัวตอนไหน ทำความสะอาดคอกเมื่อไหร่ ช่วงที่ว่างก็ใช้ชีวิตตามปกติ มีเวลารีแลกซ์  ใช้ชีวิตกับครอบครัว ไปช้อปปิ้ง จิบชายามบ่าย เวลาทั้งวันจึงไม่ได้หมดไปกับการทำเกษตรเพียงอย่างเดียว

เมื่อเดินทางกลับไทย คุณจิรัสยาจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำและเดินทางกลับจังหวัดเลย ในช่วงนั้นจังหวัดเลยกำลังอยู่ในความนิยมของนักท่องเที่ยว จากประสบการณ์การทำงานร้านอาหารบวกกับตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร คุณจิรัสยาจึงตัดสินใจเปิดร้านอาหารที่อำเภอภูเรือบนพื้นที่ของครอบครัว ระหว่างนั้นก็ได้สำรวจว่ามีพื้นที่ไหนบ้างที่ทำเกษตรอินทรีย์ เข้าไปพูดคุยกับปราชญ์ชาวบ้านที่ทำ เกษตรอินทรีย์ ระยะเวลา 3 ปีที่ทำธุรกิจร้านอาหาร คุณจิรัสยาสังเกตว่าทางร้านจะขายดีแค่ช่วงไฮซีซั่นซึ่งเป็นเวลาแค่ 3 เดือนเท่านั้น แม้ยอดขายเยอะแต่ก็ต้องแลกมาด้วยเวลาและปัญหาสุขภาพ

จนวันหนึ่งเพื่อนที่ทำสวนอะโวคาโดเชิงเกษตรอินทรีย์ชักชวนให้ไปเยี่ยมชมที่สวน ส่งผลผลิตขายทั่วประเทศ ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์  ทำเงินได้จำนวนไม่น้อยทีเดียว คุณจิรัสยาจึงได้เข้าอบรมเกษตรอินทรีย์ภาคปฏิบัติ ศึกษาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์อีกประมาณ 6 เดือน ปรึกษากับทางผู้เชี่ยวชาญเพื่อเริ่มต้นได้อย่างถูกต้อง ตั้งแต่การวิเคราะห์ดิน ปรับปรุงดิน ทำปุ๋ยหมัก พืชชนิดแรกที่เลือกปลูกคือ แก้วมังกรและอะโวคาโด ซึ่งแก้วมังกรเป็นพืชที่ปลูกง่าย เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของอำเภอภูเรือ

จากนั้นจึงเริ่มปลูกผักที่ชอบทาน โดยใช้หลัก 4พอ ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ คือ พออยู่ พอใช้ พอกิน พอร่มเย็น นำมาประยุกต์กับวิถีการเกษตรที่ได้เห็นจากเนเธอร์แลนด์ ทำเกษตรอย่างไรไม่ให้เป็นหนี้ วางแผนขั้นตอนการทำงานในแต่ละวัน วางแผนระยะสั้น กลาง และยาว จากคนที่ไม่มีประสบการณ์ด้านเกษตรกรรมมาก่อน ปัจจุบันคุณจิรัสยาอยู่ในแวดวงการเกษตร 5 ปี ที่มาของชื่อ สวนกระต่าย สบายเลย ออร์แกนิค คำว่า “สบายเลย” ตามนิยามของคุณจิรัสยา คือ สบายใจและสบายท้อง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นความเขียวขจี เห็นพืชผลเกษตรอินทรีย์ที่มาจากฝีมือตัวเอง มีผักกินเองในครัวเรือน มีเหลือแจกจ่ายเพื่อนบ้าน มีผักส่งขาย สร้างรายได้เข้ามา

เริ่มต้นทำ เกษตรอินทรีย์อย่างไร ผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐานและคุณภาพ

การทำ เกษตรอินทรีย์ควรเริ่มต้นด้วยความสนใจ ศึกษาหาความรู้และลงมือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ศึกษาประวัติของพื้นที่ที่ใช้ในการเพาะปลูก ต้องอยู่ห่างจากแปลงที่ใช้สารเคมี คุณภาพดินเป็นอย่างไร พื้นที่ที่จะทำเกษตรอินทรีย์ต้องเว้นระยะการใช้สารเคมีอย่างน้อย 3 ปี ถ้าที่ดินแปลงนั้นเคยผ่านการใช้สารเคมีมาก่อนก็ต้องใช้เวลาในการปรับสภาพดิน อยากปลูกอะไร เลือกเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาจากการปลูกแบบเกษตรอินทรีย์

นอกจากนี้ยังมีในเรื่องการเลือกใช้ปุ๋ย ธาตุอาหาร ระบบน้ำ การป้องกันและกำจัดศัตรูพืช การป้องกันไม่ให้ดินและผลผลิตเกษตรอินทรีย์ปนเปื้อนจากมลพิษ ในส่วนของการดูแลพืชผลต้องสามารถดูแลได้อย่างเต็มที่ เพราะการทำเกษตรอินทรีย์มีรายละเอียดที่ต้องใส่ใจค่อนข้างเยอะ ถ้าต้องการปริมาณผลผลิตที่มากขึ้นสามารถรวมกลุ่มเกษตรกรในละแวกใกล้เคียงกันได้

ทางฝั่งของผู้บริโภคมองว่า ผักผลไม้ปลอดสารพิษที่วางจำหน่ายมากมาย จะมั่นใจได้อย่างไรว่าปลอดสารพิษจริง? ตราสัญลักษณ์มาตรฐานต่างๆ จึงเป็นเครื่องหมายประกันความมั่นใจแก่ผู้บริโภค คุณจิรัสยา แนะนำว่า สามารถขอรับคำปรึกษาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีการบันทึกว่าพืชพันธุ์ที่ปลูกมีอะไร ในแต่ละวันทำอะไรบ้าง วิธีการดูแลรักษา ใส่อะไรลงไปในดิน ใช้แหล่งน้ำจากไหน สิ่งแวดล้อมโดยรอบเป็นอย่างไร ทำบัญชีค่าใช้จ่าย  บันทึกสมุดเยี่ยมชม หากผ่านเกณฑ์ตามข้อกำหนด สินค้าทางการเกษตรของเราก็จะได้ใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (Organic Thailand) นั่นหมายความว่า ตลอดขั้นตอนการเพาะปลูกไม่ใช้สารเคมีทุกชนิด ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ไม่สร้างมลพิษ การทำเกษตรอินทรีย์ไม่ได้มองเฉพาะพื้นที่ของตัวเองเท่านั้น แต่ต้องใส่ใจพื้นที่โดยรอบด้วยเช่นกัน ที่สำคัญต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ลูกค้า และสิ่งแวดล้อม

แนวทางการจำหน่ายผลผลิตเกษตรอินทรีย์ในช่วงวิกฤตโควิด-19

ก่อนหน้านี้ผลผลิตจากสวนกระต่าย สบายเลย มีวางขายตามตลาดนัดในอำเภอที่จัดขึ้นทุกสัปดาห์ แต่พอเจอกับวิกฤตโควิด-19 ทำให้คุณจิรัสยาต้องคิดหาหนทางในการจำหน่ายสินค้าโดยการปรับตัวเข้าสู่ช่องทางการตลาดออนไลน์ทาง Facebook Page และ Line  จากกระแสนิยมดูแลรักษาสุขภาพโดยวิถีธรรมชาติ ผู้บริโภคจึงมองหาสินค้าที่หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ส่งผลให้ผักผลไม้เกษตรอินทรีย์เป็นที่ต้องการของตลาด ผลผลิตจากสวนกระต่าย สบายเลย มีลูกค้าประจำที่ต้องจัดส่งไปกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ  และทุกวันอาทิตย์ที่จังหวัดนนทบุรี สินค้าหลักมี แก้วมังกรแดง อะโวคาโด้ กล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง มะนาว ผักสลัด ผักเคลใบหยิก (Kale) ผักเคลไดโนเสาร์ (Lacinato Kale)

นอกจากนี้มีสินค้าเกษตรแปรรูป เช่น ผงผักเคลที่ใช้เป็นส่วนผสมในแป้งพิซซ่าซึ่งจำหน่ายที่สวน กล้วยน้ำว้ามะลิอ่องนำมาแปรรูปเป็นกล้วยตากที่มีเนื้อเหนียวหนึบ รสชาติหวานหอมเป็นเอกลักษณ์ มะนาวน้ำผึ้ง และแก้วมังกรตากแห้ง ซึ่งปริมาณสินค้าแปรรูปขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตที่ได้ในแต่ละช่วง คุณจิรัสยามองว่าสินค้าเกษตรแปรรูปของที่สวนยังต้องมีการพัฒนาอีกเยอะ ส่วนวิธีการเก็บเกี่ยวและส่งสินค้าทางการเกษตร จะเก็บในช่วงเช้า ล้างให้สะอาด น็อคน้ำเย็น ผึ่งให้พอหมาด ห่อด้วยใบตอง และบรรจุกล่อง มีการสอบถามลูกค้าเมื่อได้รับสินค้า เพื่อเช็คว่าสินค้าที่จัดส่งนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร หากเกิดปัญหาจะได้หาทางแก้ไขต่อไป

สร้างตัวตนบนโลกออนไลน์

ทำเกษตรอินทรีย์ต้องเริ่มที่ใจ หมั่นศึกษาเรียนรู้ และลงมือทำเพื่อให้สำเร็จ ไม่จำเป็นต้องทำงานหนัก แต่ทำอย่างสม่ำเสมอ วางแผนงานให้ชัดเจน พึ่งพาตัวเอง รู้จักพอ ถนอมไว้กินไว้ใช้ รู้จักแบ่งปัน มีเหลือก็ขาย เพื่อเป็นต้นทุนในอนาคต รู้จักใช้ช่องทางการตลาดออนไลน์เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า สร้างรายได้มากยิ่งขึ้น