เคล็ดลับ การลงโฆษณา Facebook ให้ได้ผล จากคุณกล้วย ที่มาแบ่งปันความรู้ประสบการณ์ จากคนทำธุรกิจตัวจริงๆ ยอดขายเป็นร้อยๆ ออเดอร์ต่อวัน มียอดส่งของ Kerry สูงสุดในจังหวัด ลพบุรี ทำอย่างไรเดี๋ยวจะนำตัวอย่างมาเล่าให้ฟังเป็นน้ำจิ้ม

ขายของบน Facebook เดี๋ยวนี้ยาก เพราะอัตราการมองเห็นโครตต่ำ การลงโฆษณาก็ต้องอาศัยเทคนิคมากมายในการทำ จนหลายคนเริ่มถอดใจ

ในขณะที่หลายคนยอดขายซบเซา แต่ก็มีหลายคนที่ยอดขายแต่ละวันแพ็คส่งของกันไม่ทัน ยอดขายเป็น 100+ ต่อวันเขาทำกันอย่างไร ?

เมื่อวันที่ 1-2 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา สถาบันพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการ SME Taokaemai.com ได้จัดฝึกอบรมให้ความรู้ผู้ประกอบการใน หลักสูตร วิธีโฆษณา facebook ให้ได้ผล | จากศูนย์สู่ยอดขาย 100 + ออร์เดอร์ต่อวัน โดยมีคุณกล้วย อรรถวิทย์ จูกระจ่าง ที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ จากสถาบันฯ มาร่วมให้ความรู้แบบเข้มข้น 2 วันเต็มๆ สรุปประเด็นเนื้อหาเบื้องต้นสำหรับคนที่กำลังมีปัญหากับการลงโฆษณา Facebook ดังนี้นะครับ

 

4 ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการลงโฆษณา Facebook ให้ได้ผล

1.สินค้า > 80%

สินค้าต้องดี มีคุณภาพ เป็นเรื่องสำคัญในการทำธุรกิจทั้งบนโลกออฟไลน์และออนไลน์ หากสินค้าไม่ดียากที่จะขายได้ และที่สำคัญสินค้าเองก็ต้องมีความแตกต่าง มีจุดขายที่ชัดเจน กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนด้วย เช่น หากเป็นสินค้ากลุ่มเกี่ยวกับอาหารเสริมสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องเบาหวาน เราก็ต้องโฟกัสไปกลุ่มคนที่มีอายุสักหน่อย อาจจะ 40 + และสิ่งสำคัญนอกจากคุณภาพสินค้าที่เราว่าดีแล้ว การทำ Content เพื่อให้คนที่เห็นบน Facebook คิดเหมือนเรา มองเห็นว่าสินค้าเราดี ช่วยตอบโจทย์แก้ไขปัญหาให้เขาได้ก็ต้องทำให้ดีด้วยเช่นกัน

คุณภาพสินค้าดี คุณภาพคอนเทนต์ดี ทั้ง Caption รูปภาพ VDO การตอบคอมเมนต์ การคุยทาง Chat ทั้งหมดนี้ต้องดี จนทำให้กลุ่มเป้าหมายยากที่จะปฏิเสธสินค้าของเรา ทำส่วนนี้ได้โอกาสขายได้กว่า 80%

พื้นฐานตัองดีก่อน เทคนิคการยิงโฆษณาแค่ตัวช่วยให้ถึงกลุ่มเป้าหมายในปริมาณที่เหมาะสม

2.กลุ่มเป้าหมาย > 10%

กลุ่มเป้าหมายแยกเป็น 4 กลุ่มหลักๆ คือ IRLB

I : Interest หรือความสนใจพื้นฐาน ของกลุ่มเป้าหมายที่คิดว่าเขามีโอกาสซื้อสินค้าเรา

 R : Retarget การทำโฆษณาซ้ำ กับคนที่ซื้อสินค้าเราว่าต้องทำอะไรต่อ และคนที่ไม่ได้ซื้อสินค้าเราก็จำเป็นต้องทำโฆษณาซ้ำเช่นกัน แต่จะต้องทำอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับว่าระดับความสนใจของเขาอยู่แค่ไหน เราต้อง Tracking ให้ได้

 L : Lookalike ขยายกลุ่มเป้าหมาย สร้างกลุ่มเป้าหมายเดิมที่มีอยู่ ให้ AI ของ Facebook มาช่วยสร้างโอกาสในการขายให้ได้มากยิ่งขึ้น ลองขยายไปหลายกลุ่ม ทำการทดลองลงโฆษณาในแต่ละกลุ่มแล้วนำมาวัดผลต่อยอดให้ได้

B : Broadcast กระจายโปรโมชั่นให้กับฐานลูกค้าเดิม เพิ่มเติมยอดขายจากกลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อ ซึ่งถือเป็นยอดขายที่สำคัญ ยิ่งเราเก็บลูกค้า และดูแลเขาดีเท่าไหร่ ยอดขายที่เกิดจากส่วนนี้จะเป็นตัวช่วยเพิ่มออเดอร์ในแต่ละวันได้อย่างแน่นอน

กลุ่มเป้าหมายที่มากพอ การทดลองที่มากพอ การลงทุนในประสบการณ์ที่มากพอ จะทำให้เรามีออเดอร์ที่มากพอเช่นกัน

3.บัญชีโฆษณา > 5%

ต้องสร้างบัญชีโฆษณาเป็นบัญชีประเภทธุรกิจ และควรมีหลายๆ บัญชี เพราะแต่ละบัญชี Facebook จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันทั้งในด้านของกลุ่มเป้าหมาย งบประมาณ รวมไปถึงยอดขายที่จะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน

คิดแบบง่ายๆ คือ ถ้าเราขายคนเดียว ก็ขายได้น้อย แต่ถ้ามีคนขายหลายคน ก็มีโอกาสขายได้มากขึ้น และแต่ละคนก็มีวิธีการขายที่แตกต่างกัน ลงโฆษณาแตกต่างกัน แม้เป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน ก็ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

4.งบประมาณ > 5%

สุดท้ายคือ งบประมาณ ที่เหมาุะสม เราไม่สามารถนำไม้จิ้มฟันไปงัดไม้ซุงได้ ลงโฆษณา 100 อยากได้ยอดหลักแสนหลักล้านคงเป็นไปไม่ได้เลย

ทำธุรกิจนี่คือการลงทุน และ กล้าได้ กล้าเสีย บางโฆษณาเราลงไปเพื่อ “ทดลอง” หากไม่ได้ยอดขายก็อย่าไปเสียดาย แต่ต้องเรียนรู้ที่จะนำความผิดพลาดนั้นมา “ลองลงใหม่”  แต่ละธุรกิจมีงบโฆษณที่แตกต่างกัน และต้องรู้ด้วยว่าเมื่อไหร่ควรจะอัดโฆษณาแบบเต็มๆ ข้อ และเมื่อไหร่ควรผ่อนเบาให้ประหยัดงบ

ปัจจุบันงบโฆษณาที่ใช้ในการลงโฆษณจะอยู่ที่ 20-30% ของยอดขายซึ่งถือว่าค่อนข้างเยอะ แต่ก็ยังคุ้มค่าที่จะทำ หากธุรกิจไหนมีกำไรต่อหน่วยเยอะหน่อยอัตราส่วนก็อาจจะต่ำลงกว่านี้ แต่….

คนที่ลงโฆษณาไม่เป็น  ต้นทุนการลงโฆษณา Facebook เกิน 100% อย่างแน่นอน ดังนั้นก่อนลงโฆษณาให้ลงทุนกับความรู้เสียก่อน ไม่งั้นมีเท่าไหร่หมดเท่านั้นอย่างแน่นอน

 

3 เครื่องมือเก็บลูกค้าทุกเม็ดทำให้ครบ

การลงโฆษณา Facebook ให้ได้ผล

1.ลูกค้าจริงมาทำ  custom audience

ต้องนำลูกค้าจริงๆ ที่เกิดจากการสั่งซื้อทั้งจาก Facebook เอง หรือ จากขายภายนอกนำเข้ามาในระบบของ Facebook เพื่อช่วยให้ AI ได้รู้จักลูกค้าเราจริงๆ จะได้เรียนรู้ในการส่งโฆษณาของเราให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้ตรงมากยิ่งขึ้น

2.Pixel เก็บทุกกิจกรรมมาทำ Conversion

ต้องมีเว็บไซต์ ต้องมี Sale Page และต้องเชื่อมโยงเว็บไซต์เข้ากับ Facebook ด้วยการฝัง Pixel และมีการเก็บกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน การดูสินค้า การสั่งซื้อสินค้า การชำระเงิน ทั้งหมดนี้จะเป็นตัววัดระดับความสนใจหรืออุณหภูมิความเป็นลูกค้าของเราได้อย่างชัดเจน และเราสามารถวางแผนในการลงโฆษณากับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละกิจกรรมที่เขาทำบนเว็บไซต์ของเราได้แม่นมากยิ่งขึ้น

3.Frequency ยิ่งเห็นบ่อย ยิ่งมีโอกาสซื้อสูง

เห็นครั้งแรกไม่มีคนซื้อ แต่ถ้าเห็นบ่อยๆ คนเริ่มจะคล้อยตาม และเรามีความเชื่อ ท้ายที่สุดคืออยากลอง การทำให้คนเห็นโฆษณาเราบ่อยๆ จะเป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มยอดขาย อย่าเสียดายเงินในการลงโฆษณาหากเขาเห็นแค่เพียงครั้งเดียว แต่ให้ลงโฆษณาเพิ่มไปอีกหน่อย เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้ตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น

   คิดเสียว่าโฆษณาเป็นดอกกุหลาบ ที่ส่งให้กับกลุ่มเป้าหมายเรา แรกๆ เขาอาจจะไม่ชอบ ประหลาดใจ แต่ให้บ่อยๆ เดี๋ยวเขาก็ใจอ่อนมาเป็นลูกค้าเราสักวัน

เคล็ดลับบางส่วนที่นำมาบอกเล่า แค่ท่านนำวิธีการเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับการโฆษณาที่ท่านทำอยู่ก็จะเป็นการเพิ่มยอดขายขึ้นมาได้อย่างแน่นอน หรือ หากท่านต้องการที่จะเรียนรู้ลงลึกในรายละเอียดมากกว่านี้ สามารถติดตามหลักสูตรอบรมในรุ่นต่อไปได้จากช่องทางนี้ >> คลิ๊กดูรายละเอียดหลักสูตรรุ่นต่อไป