หากคิดจะทำการตลาดออนไลน์คุณจำเป็นต้องรู้จักการสร้างคอนเทนต์เพื่อนำไปสู่การทำการตลาดโดยใช้คอนเทนต์หรือคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง การทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งนี้สามารถสร้างผลลัพธ์ทั้งในแง่ของการเป็นที่รู้จักและสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นได้อย่างที่ร้านค้าออนไลน์มือใหม่คาดไม่ถึง ดังนั้นหากร้านค้าออนไลน์ต้องการเครื่องมือที่ช่วยตอบโจทย์ในเรื่องนี้การทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งช่วยคุณได้ ในบทความนี้เรามีกลยุทธ์ในการทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุณต้องการมาแนะนำ

5 กลยุทธ์การทํา content marketing เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าออนไลน์

1. กำหนดเป้าหมายว่าจะทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งเพื่ออะไร

ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นทำ Content Marketing สิ่งจำเป็นที่สุดก็คือการวางแผนว่าคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งที่คุณต้องการนั้นคุณมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดอะไรขึ้นมากับร้านค้าออนไลน์ของคุณ เพราะการทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งเราสามารถแบ่งวัตถุประสงค์ในการสร้างได้หลายทางไม่ว่าจะเป็น

– เพื่อสร้าง Brand Awarenwss: หรือเพื่อให้เกิดการรับรู้ในชื่อแบรนด์ การสร้างคอนเทนต์เพื่อวัตถุประสงค์ในข้อนี้เพื่อต้องการให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้นจึงเหมาะสำหรับหน้าร้านออนไลน์ที่เพิ่งจะเปิดตัวและยังไม่มีฐานลูกค้าเป็นของตนเองมากนักหรืออาจจะเป็นหน้าร้านออนไลน์ที่ถูกสร้างขึ้นมาสักพักและต้องการโปรโมทตนเองให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากยิ่งขึ้น

– เพิ่ม Lead Generation: หรือต้องการเพิ่มคนให้เข้าสู่หน้าร้านค้าเพื่อสร้างฐานรายชื่อกลุ่มเป้าหมายหรือเพื่อการเก็บข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาเยี่ยมชม โดยการทำคอนเทนต์ในลักษณะนี้สามารถวัดผลสำเร็จได้จากปริมาณของคนที่เข้ามายังเว็บไซต์หรือหน้าร้านออนไลน์ของคุณ การสร้างคอนเทนต์จึงต้องอาศัยคอนเทนต์ที่มีคุณภาพสูงเพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง และหากคอนเทนต์ที่สร้างประสบความสำเร็จก็จะมีโอกาสเปลี่ยนจากกลุ่มเป้าหมายให้กลายมาเป็นลูกค้าของหน้าร้านได้เช่นกัน

– เพื่อลดต้นทุนการทำการตลาด: การทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งที่สามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้จะช่วยให้คุณลดต้นทุนสำหรับการทำการตลาดลงไปได้มาก ยิ่งหากคอนเทนต์ที่คุณสร้างเป็นคอนเทนต์คุณค่าที่มีความจำเพาะเจาะจงกับกลุ่มเป้าหมายก็จะช่วยสร้างความมั่นใจได้มากขึ้นอันจะนำไปสู่การปิดการขายได้ง่ายขึ้นจึงช่วยลดต้นทุนการทำการตลาดออนไลน์ได้นั่นเอง

2. เลือกกลุ่มเป้าหมายของคอนเทนต์

ขั้นตอนในการเลือกกลุ่มเป้าหมายของการทำคอนเทนต์มีความสำคัญมากไม่แพ้กัน เพราะจะทำให้คุณได้กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจริง ๆ สำหรับการทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง ก่อนที่คุณจะเลือกกลุ่มเป้าหมายว่าคนในกลุ่มใดคือกลุ่มที่เหมาะสมกับร้านค้าออนไลน์ของคุณนั้นคุณจำเป็นต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่าสินค้าหรือบริการของคุณเหมาะกับใคร โดยกลุ่มเป้าหมายนั้นมีช่วงอายุ เพศ การศึกษาและรายได้ประมาณใด ยิ่งหากคุณได้ข้อมูลที่ชัดเจนมากเท่าใดคุณก็จะยิ่งสามารถตีกรอบกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเท่านั้นและทำให้การเลือกกลุ่มเป้าหมายของคอนเทนต์มีความเฉพาะและตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการอย่างแท้จริง

3. สร้างคอนเทนต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เลือกเอาไว้

ตัวอย่างคอนเทนต์ท่องเที่ยว

เมื่อคุณสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้แล้ว ลำดับถัดไปที่คุณควรจะทำก็คือการสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่คุณเลือกให้มากที่สุด การสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายจะต้องจี้ตรงไปที่ pain point หรือปัญหาที่กลุ่มเป้าหมายกำลังประสบอยู่จึงจะทำให้คอนเทนต์ที่สร้างนั้นสามารถดึงดูดความสนใจจากพวกเขาได้ พึงระวังอยู่เสมอว่าการสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายจะต้องเป็นคอนเทนต์ที่สะท้อนถึงปัญหาและความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น หากคอนเทนต์ที่คุณสร้างไม่มีความเกี่ยวโยงหรือเชื่อมต่อไปถึงกลุ่มเป้าหมายเลยโอกาสที่การทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งจะล้มเหลวก็มีสูงมากเช่นกัน

4. เลือกช่องทางโปรโมทที่เหมาะสมกับคอนเทนต์และกลุ่มเป้าหมาย

การเลือกช่องทางโปรโมทคอนเทนต์ที่เหมาะสมก็ยังคงสัมพันธ์กับการเลือกกลุ่มเป้าหมายเช่นกัน เมื่อใดที่คุณได้กลุ่มเป้าหมายแล้วอย่าลืมที่จะตรวจสอบพฤติกรรมในโลกโซเชี่ยลของกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นว่าพวกเขามักใช้เวลาในโซเชี่ยลแพลตฟอร์มใดมากเป็นพิเศษ เพราะพฤติกรรมในการใช้งานโซเชี่ยลนี้จะบอกได้ว่าคุณควรจะสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบใดและควรจะโปรโมทคอนเทนต์ของคุณลงในช่องทางใดมากที่สุด การเลือกช่องทางโปรโมทที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้คืออีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้การทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งของคุณประสบความสำเร็จ

5. วัดผลลัพธ์ที่ได้ว่าคอนเทนต์ที่คุณสร้างให้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการหรือไม่

ท้ายที่สุดแล้วทุก ๆ ครั้งที่คุณทำการปล่อยคอนเทนต์คุณจำเป็นต้องวัดผลลัพธ์เสมอว่าคุณได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับวัตถุประสงค์ในการทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งหรือไม่ การวัดผลอยู่เสมอจะช่วยให้คุณทราบว่าคอนเทนต์ที่คุณปล่อยออกไปนั้นยังมีข้อด้อยหรือมีสิ่งใดที่ต้องแก้ไขอีกหรือไม่เพื่อนำไปเป็นฐานข้อมูลสำคัญในการพัฒนาแนวทางในการทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งในครั้งต่อ ๆ ไป และท้ายที่สุดก็จะทำให้การทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งนั้นประสบความสำเร็จได้อย่างที่คุณต้องการ