📉 มาตรการภาษีทรัมป์ กระทบธุรกิจไทยอย่างไร? เจ้าของธุรกิจควรปรับตัวยังไงให้รอด!

โดย: ทีมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ | Taokaemai.com

หลังจากอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการ “ภาษีตอบโต้” (Reciprocal Tariffs) ที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงถึง 36% — ประเทศไทยก็ไม่รอดจากลิสต์ดังกล่าว และนั่นอาจเป็นแรงกระแทกลูกใหญ่ที่ส่งผลต่อธุรกิจส่งออกไทย โดยเฉพาะ SMEs ที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก

คำถามคือ…
ภาษีใหม่นี้กระทบใครบ้าง? แล้วเจ้าของธุรกิจไทยจะเอาตัวรอดยังไง?


🔍 อุตสาหกรรมไทยที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

1. อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน

ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์อันดับต้น ๆ ของเอเชีย โดยเฉพาะการส่งออกชิ้นส่วนไปสหรัฐฯ หากต้องแบกรับภาษี 36% เท่ากับต้นทุนเพิ่มแบบไร้ความปรานี

“ราคาแพงขึ้น = แข่งขันยากขึ้น = ลูกค้าอาจหันไปหาประเทศคู่แข่ง”
เช่น เวียดนามหรือเม็กซิโก ที่อาจมีข้อตกลงทางภาษีที่ดีกว่า


2. กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กและโลหะ

อุตสาหกรรมนี้ตกอยู่ในข่าย “เป้าหมายทางการค้า” ของทรัมป์มาโดยตลอด เพราะสหรัฐฯ ต้องการปกป้องผู้ผลิตในประเทศ ส่งผลให้การส่งออกเหล็กจากไทยไปสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับต้นทุนพุ่งทันที และเสี่ยงสูญเสียตลาดหลัก


3. พลังงานและวัตถุดิบ

แม้ไทยจะมีแผนนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ มากขึ้น แต่หากการเจรจาทางการค้าไม่ราบรื่น ภาษีสูงอาจทำให้ต้นทุนด้านพลังงานของภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งจะลามไปสู่ต้นทุนการผลิตของสินค้าอื่น ๆ


4. อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป

กลุ่มนี้กระทบหนักไม่แพ้กัน โดยเฉพาะสินค้าที่ยึดตลาดสหรัฐฯ เช่น ผลไม้แปรรูป อาหารทะเล น้ำผลไม้ และอาหารพร้อมทาน หากต้นทุนสูงขึ้น จะกระทบต่อ “ความน่าซื้อ” ในสายตาผู้บริโภคอเมริกัน


🧭 แนวทางปรับตัวของเจ้าของธุรกิจไทย

1. กระจายตลาดส่งออก

อย่าฝากความหวังไว้กับสหรัฐฯ ประเทศเดียวอีกต่อไป! ถึงเวลา “กระจายความเสี่ยง” ด้วยการรุกตลาดใหม่ เช่น:

  • จีน

  • อินเดีย

  • กลุ่มอาเซียน

  • ตะวันออกกลาง

2. เพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ

เพื่อสร้างสมดุลทางการค้า (Trade Balance) ไทยสามารถเพิ่มการนำเข้าสินค้าจำพวก:

  • ข้าวโพด

  • ถั่วเหลือง

  • อุปกรณ์ไฮเทคจากสหรัฐฯ

เพื่อหวังให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายมาตรการภาษีในอนาคต

3. ปรับปรุงกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยี

“ถ้าหนีภาษีไม่ได้ ก็ต้องลดต้นทุนจากในโรงงาน”

  • ใช้ AI และ IoT ปรับกระบวนการผลิต

  • ลดของเสีย เพิ่มประสิทธิภาพ

  • ใช้ Big Data วิเคราะห์ต้นทุนเชิงลึก

4. สนับสนุนให้รัฐเร่งเจรจาข้อตกลงการค้า

โดยเฉพาะข้อตกลงอย่าง CPTPP หรือ FTA ไทย-สหรัฐฯ หากไทยสามารถมีข้อตกลงลดภาษีเฉพาะเจาะจง จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว


💡 สรุป: ภาษีทรัมป์เป็นคลื่นใหญ่ แต่เจ้าของธุรกิจไทยยังมีทางรอด

เศรษฐกิจโลกในปี 2025 ไม่ใช่เกมของผู้แข็งแรงที่สุด แต่เป็นของ “ผู้ปรับตัวเร็วที่สุด”
ภาษีของทรัมป์อาจเป็นแรงบีบ แต่ก็เป็นโอกาสในการ คิดใหม่ ทำใหม่ ขยายตลาด และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ให้ไทยไม่เพียงแค่ “รอด” แต่ยัง “โต” ในสนามใหม่ ๆ


 หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่ต้องการที่ปรึกษาในการปรับตัวเข้าสู่ตลาดส่งออกยุคใหม่ หรือต้องการผู้ช่วยในการวางกลยุทธ์เพื่อลดผลกระทบจากภาษี ติดต่อทีมที่ปรึกษา Taokaemai Academy ได้ทันทีที่ www.taokaemai.com